ใครกำลังมองหาประสบการณ์ไดนิ่งสุดหรู ท่ามกลางบรรยากาศลักชูบนรูฟท็อป 360 องศา ดื่มด่ำวิวเส้นขอบฟ้ากรุงเทพฯ และคุ้งน้ำเจ้าพระยา นาทีนี้คงไม่มีใครฮ้อตเท่า EA Rooftop at The Empire แลนด์มาร์กใหม่กรุงเทพฯ ใจกลางสาธร มัดรวม 4 ร้านอาหารพรีเมียม ทั้ง ญี่ปุ่น ไทย จีน อิตาเลียน สไตล์ฟิวชั่น รังสรรค์จากเชฟมิชลินสตาร์ระดับโลก
“EA” Rooftop at The Empire (เอ-ญ่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์) จัดว่าเป็นไลฟ์สไตล์รูฟท็อปที่ใหญ่ และสูงที่สุด ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนอาคาร เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 หมื่นตารางเมตร ตั้งแต่ชั้น 55 ถึง ชั้น 58 ที่ล่าสุดเปิดให้บริการถึงชั้นรูฟท็อปแล้ว
หลังจากก่อนหน้านี้หลายคนคงเคยไปใช้บริการ “EA Gallery” แหล่งรวมคาเฟ่และร้านอาหาร อย่าง จิบกาแฟจากร้าน “ % Arabica” สาขาที่สูงที่สุดในโลก
ทานอาหารเช้าสไตล์ตะวันออกร่วมสมัย ที่คราฟท์ หรือจะเป็นร้านอาหารเกาหลีต้นตำรับ อย่าง “Onggi” ที่เปิดให้บริการอยู่แล้วบนชั้นที่ 55
ล่าสุดเราปักหมุดจุดสูงสุดกันที่ “Nobu Rooftop Bar” บนชั้นที่ 58 โอโห ! ไม่ใช่แค่วิวกรุงเทพฯ 360 องศา โดดเด่นด้วยสระแบบอินฟินิตี้ ซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ และบาร์รูปทรงบูเมอแรง โอโห! การนั่งดริ๊งก์ชิลๆ ชมวิวระยิบระยับแสงไฟยามค่ำคืน เลอค่าอ่ะ
หรือจะนั่งดริ้งก์ด้านใน ก็เก๋มากกับ ซูชิบาร์ออนิกซ์เรืองแสง และเพดานกระจกเพิ่มมิติและความทันสมัยมาก มาที่นี่เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ อย่าง สาเก พลาดไม่ได้เลย ยิ่งมาช่วงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า จะเห็นวิวสวยๆของคุ้งน้ำเจ้าพระยา และพื้นที่สีเขียวของบางกระเจ้าอันน่ารื่นรมย์
ส่วนใครเป็นคออาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยม ต้องรู้จัก Nobu ร้านอาหารญี่ปุ่นก้องโลกกว่า 3 ทศวรรษ ที่หลังจาก “เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ” เปิดสาขาแรกที่นิวยอร์ก จนโด่งดัง และเปิดอีกหลายสาขาไปทั่วโลก ล่าสุดก็เลือกที่จะมาปักหมุด “Nobu Bangkok” ที่เอ-ญ่า และเป็นห้องอาหาร Nobu สาขาที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ห้องอาหาร “Nobu Bangkok” จะอยู่บนชั้น 57 ออกแบบโดย ‘Rockwell Group’ บริษัทสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากเมืองนิวยอร์ก โดยได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากภูมิทัศน์และธรรมชาติของเมืองกรุงเทพฯ ที่มี 3 เอกลักษณ์แตกต่างกันบนแผนที่ของไทย
ได้แก่ เมือง แม่น้ำ และภูเขา มาผสมผสานเข้ากับศาสตร์ศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดดเด่นด้วยการออกแบบที่แตกต่างในแต่ละชั้นอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยโทนสีทอง และพื้นที่รับประทานอาหาร ยังออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวทุกโต๊ะ ได้รับแรงบันดาลใจจากห้องน้ำชาแบบญี่ปุ่นและไทย
ขณะที่เมนูอาหารของ Nobu Bangkok จะผสมผสานส่วนผสมและเทคนิคแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับรสชาติแบบเปรู ที่เชฟโนบุได้แรงบันดาลใจจากเมื่อครั้งที่เขาทำงานที่เปรู รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยรสชาติที่เป็นเลิศของเมนูซิกเนเจอร์
อาทิ Black Cod Miso, Yellowtail Jalapeño และ Toro Tartare ชวนให้ระลึกถึงการเดินทางในโลกแห่งอาหารอันยาวนานของเชฟโนบุ
ส่วนใครชอบทาน อาหารไทย อิตาเลียน และอาหารจีน ปักหมุดได้เลยที่ “EA CHEF’S TABLE” บนชั้น 56 ห้องอาหาร3 สัญชาติ จาก 3 เชฟระดับมิชลินสตาร์ นับเป็นเชฟเทเบิลที่สูงที่สุดในไทย นำเสนอไลฟ์สไตล์การกินดื่ม ท่ามกลางวิวพาโนรามาของกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ไม่ว่าจะเป็น ห้องอาหาร “Le Du Kaan” (ฤดูกาล) โดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ “เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร”
นำเสนอเมนูอาหารที่ผสมผสานอาหารไทยร่วมสมัยเข้ากับศิลปะการเล่าเรื่องอย่างมีเอกลักษณ์ เพื่อทำให้ทุกๆ จานเป็นเสมือนการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมอันรุ่มรวย และวัตถุดิบคุณภาพในท้องถิ่นอันโดดเด่นที่คัดสรรมาจากชาวนาและชาวประมงไทยโดยตรง
พร้อมการตกแต่งอย่างหรูหราราวกับงานศิลปะบนจานอาหาร ภายในร้านมีทั้งมีพื้นที่ทานอาหารหลากหลายสไตล์ รวมถึงบาร์เลานจ์ในร่มสุดชิค บาร์กลางแจ้งสีสันสดใส และพื้นที่ระเบียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกดินเหนือกรุงเทพฯ และเป็นห้องอาหารไทยบนรูฟท็อปแห่งแรกของโลกอีกด้วย
ส่วนห้องอาหารจีน “K by Vicky Cheng” (เคย์ บาย วิคกี้ เชง) จะเป็นอาหารจีนร่วมสมัยจากเชฟระดับมิชลินสตาร์ เชฟวิคกี้ เชง และเป็นห้องอาหารในต่างประเทศแห่งแรกของเชฟวิคกี้ ที่จะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารจีนร่วมสมัยที่ไม่มีใครเหมือน ผ่านการผสมผสานรสชาติแบบดั้งเดิม
ผนวกกับแนวคิดด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์จากแรงบันดาลใจของภูมิปัญญาโบราณของ 24 ภาวะตามปฏิทินจีน เข้ากับการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เพื่อดึงความโดดเด่นของวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ฤดู
ภายในห้องอาหารได้รับการออกแบบอย่างโดดเด่นด้วยโทนสีแดงเบอร์กันดีเข้มและศิลปะแบบจีน สะท้อนถึงความเคารพต่อมรดกแห่งอดีตและการโอบรับความทันสมัยของปัจจุบัน รวมถึงลวดลายกิเลนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอายุที่ยืนยาวและความมั่งคั่ง
สำหรับห้องอาหารอิตาเลียนไฟน์ไดนิ่ง “Sartoria by Paulo Airaudo” (ซาโตเรียอาร์ บาย เปาโล อายราวโด) โดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ เชฟเปาโล อายราวโด (Paulo Airaudo) กลั่นกรองจากประสบการณ์การทำอาหารมายาวนาน จากหลายประเทศ หลากวัฒนธรรม
ทั้งนี้เพื่อนำเสนอความหรูหราเหนือระดับด้วยอาหารอิตาเลียนไฟน์ไดนิ่งชั้นสูงจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดตามฤดูกาลในแต่ละช่วง คัดสรรจากผู้ผลิตท้องถิ่นที่ดีที่สุดในไทย
พร้อมเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้ชมศิลปะการทำอาหารอย่างใกล้ชิดผ่านครัวแบบเปิด โดยมีทัศนียภาพอันงดงามยามค่ำของกรุงเทพเป็นฉากหลัง ซึ่งห้องอาหารนี้จะพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปีนี้
ใครเป็นสายกินหรู มาที่นี่ครบจบ เพราะมัดรวมห้องอาหารจากสุดยอดเชฟระดับโลกมาไว้ที่นี่แล้ว
2024-09-29T05:26:27Z dg43tfdfdgfd