เมื่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสร้างแรงกดดันให้วัยทำงานรุ่นใหม่หลายคน หันไปทำ Side Hustle หรืออาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่ม ตั้งแต่การทำเทียนหอมแฮนด์เมด ไปจนถึงการเป็นกรรมการกีฬาในท้องถิ่น, บริการดูแลสัตว์เลี้ยง, บริการกอดฮีลใจ, ไรเดอร์ และฟรีแลนซ์ต่างๆ โอกาสงานเสริมเหล่านี้มอบความยืดหยุ่นทางการเงินและศักยภาพในการเสริมสร้างทักษะใหม่ไปพร้อมๆ กับทักษะอาชีพหลัก
อาชีพเสริม คือการจ้างงานรูปแบบหนึ่ง หรือกิจกรรมสร้างรายได้ที่นอกเหนือจากงานประจำเต็มเวลาแบบดั้งเดิม โดยทั่วไปมักจะเป็นงานที่นายจ้างให้ความคล่องตัวแก่ลูกจ้าง ไม่กำหนดเวลางานตายตัว จึงสามารถทำในวันหยุดหรือทำหลังเลิกงานประจำได้ ให้เวลาอิสระในการทำงาน มีกรอบการส่งงานที่ยืดหยุ่น หรืออาจจ้างงานเป็นรายครั้งๆ ไป
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้วัยทำงานยุคนี้ต้องขยันหางานทำงานเสริมหลายๆ อาชีพมากขึ้น ก็คือ อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด ทำให้การพึ่งพาการทำงานประจำแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ยังชีพอยู่ได้เป็นเรื่องยาก เงินเดือนน้อยที่สวนทางค่าใช้จ่ายรายวันจึงกระตุ้นให้คน Gen Z แสวงหาแหล่งรายได้อื่นเพิ่มเติม
นอกจากนี้ การทำงานหลายอาชีพไปพร้อมกันก็สอดรับกับเทรนด์ FIRE (Financial Independence Retire Early) ของคนรุ่น Gen Y-Z ด้วย เพราะคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งมีแนวคิดที่ว่า อยากหาเงินให้ได้เพียงพอกับการใช้ชีวิตหลังเกษียณเร็วๆ ขอเกษียณก่อนกำหนดแล้วไปใช้ชีวิต ไม่อยากทำงานไปจนแก่ จึงทำหลายๆ อาชีพเพื่อปั๊มเงินให้ได้เยอะๆ ในเวลาอันสั้น เน้นออมเงินเยอะ และรีบลงทุนตั้งแต่อายุน้อย เพื่อให้เงินต้นออกดอกออกผลได้ทันใช้
เทรนด์การทำงานหลายอาชีพดังกล่าวเติบโตอย่างมากในต่างประเทศ คนวัยทำงานต่างก็หางานเสริมทำกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตามข้อมูลการศึกษาวิจัยของ Bankrate ในสหรัฐ พบว่า ในปี 2024 ผู้ใหญ่วัยทำงานในสหรัฐอเมริกาประมาณ 36% มีอาชีพเสริม โดยมีรายได้จากอาชีพเสริมเฉลี่ยอยู่ที่ 891 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราวๆ 30,000 บาทต่อเดือน) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 810 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 27,000 บาทต่อเดือน) ในปี 2023
โดยวัยทำงานกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มอายุที่มีแนวโน้มที่จะทำอาชีพเสริมมากที่สุด (ประมาณ 48%) เมื่อเทียบกับกลุ่ม Millennials (44%), Gen X (33%), กลุ่ม Baby Boomers (23%)
นอกจากนี้ จากผลการศึกษาพบว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลหรือ Gen Y เป็นกลุ่มที่ทำเงินจากงานเสริมได้มากที่สุด ซึ่งทำรายได้พิเศษเฉลี่ย 1,129 ดอลลาร์ต่อเดือน (38,400 บาทต่อเดือน) ในขณะที่คนรุ่น Gen Z ทำรายได้เสริมเฉลี่ย 958 ดอลลาร์ต่อเดือน (32,600 บาทต่อเดือน)
อย่างไรก็ตาม รายได้เหล่านี้แม้จะไม่เพียงพอที่จะทดแทนงานประจำ แต่ก็สามารถบรรเทาภาระทางการเงินและเป็นหนทางสู่ความเป็นอิสระทางการเงินได้ จากการสำรวจของ Gallup เมื่อปีที่แล้วเผยให้เห็นว่า มีคนอเมริกันเพียง 31% เท่านั้นที่มีส่วนร่วมในงานประจำ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี
สำหรับงานเสริมที่ทำรายได้ได้ค่อยข้างดีมากในปี 2025 นั้น จากการสำรวจของ Newsweek พบว่ามีกลุ่มอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ดังนี้
อาชีพเสริมในกลุ่มนี้ยกตัวอย่างเช่น ฟรีแลนซ์การเขียนบทความ, การออกแบบกราฟิก, การจัดการโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการรับจ้างจัดการโซเชียลมีเดีย สามารถทำนรายได้สูงถึง 300-3,500 ดอลลาร์ต่อเดือน (10,200-119,000 บาทต่อเดือน) โดยเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะการตลาดดิจิทัลเพื่อสร้างรายได้ โดยการจัดการบัญชีของธุรกิจขนาดเล็กหรือบัญชีของอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้รับงานนี้จะมีหน้าที่สร้างโพสต์ที่น่าสนใจ จัดการโฆษณา และติดตามวิเคราะห์ผลของโพสต์เหล่านั้น ต้องมีความรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Instagram, Facebook, LinkedIn หรือ TikTok ทั้งนี้สามารถจัดตารางทำงานได้ด้วยตัวเอง
หากคุณรักสัตว์ การรับดูแลสัตว์เลี้ยงถือเป็นงานที่เหมาะสม สามารถทำได้ทั้งการรับจ้างพาสุนัขเดินเล่น, การรับจ้างดูแลสัตว์เลี้ยง, การดูแลขนสัตว์เลี้ยงผ่านแอป เช่น Rover งานเสริมนี้จะช่วยให้มีรายได้พิเศษแม้จะทำเพียงไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งมีความยืดหยุ่นและทำในเวลาว่างได้ด้วย รายได้อยู่ที่ประมาณ 14.30 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (487 บาทต่อชั่วโมง)
ขายสินค้าแฮนด์เมดบน Etsy หรือจะเน้นออกแบบพร้อมแปลงโฉมเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า หรือสินค้าต่างๆ และนำไปขายต่อบน eBay, Mercari และ Depop หากคุณมีพรสวรรค์ในการทำของใช้แฮนด์เมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การนำงานฝีมือของคุณมาทำเป็นธุรกิจก็อาจได้ผลกำไรอย่างงาม สามารถทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 200 - 2,500 ดอลลาร์ต่อเดือน (6,800-85,000 บาทต่อเดือน)
บริการขับรถส่งผู้โดยสารให้กับ Uber, Lyft, Grab หรือขับรถบริการส่งอาหารผ่านตัวแทนบริษัทต่างๆ เช่นกัน งานเสริมประเภทนี้ทำให้คุณมีอิสระในการกำหนดตารางเวลางานของตัวเองได้ คุณจึงสามารถทำในช่วงวันหยุด หรือหลังเลิกงานประจำได้ อีกทั้งยังเป็นงานที่ได้เงินทิปเพิ่มอีกด้วย รายได้โดยประมาณอยู่ที่ 5-8 ดอลลาร์ต่อการส่งหนึ่งครั้ง (ราวๆ 170-275 บาทต่อครั้ง)
อาชีพเสริมกลุ่มนี้ได้แก่ การทำ Affiliate, การเขียนบล็อก, การทำช่องรายการออนไลน์ และการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เช่น ออกแบบลายเสื้อ ออกแบบสติ๊กเกอร์ ขายลิขสิทธิ์ผลงานศิลปะ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนทำเงินได้เรื่อยๆ แบบ Passive Income (แม้ไม่ได้เป็นเงินก้อนใหญ่ แต่เน้นสะสมในระยะยาว) โดยเฉพาะการทำ Affiliate Marketing นั้น กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทำคู่ไปกับงานประจำได้ง่าย เพียงแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณชื่นชอบผ่านช่องทางโซเซียลของคุณ และรับคอมมิชชั่นเมื่อมีคนซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการเหล่านั้น โดยรับรายได้อยู่ที่ 50 - 3,000 ดอลลาร์ต่อเดือน (1,700 - 100,000 บาทต่อเดือน)
นอกจากนี้ยังมีงานเสริมอีกหลายอาชีพที่แปลกแตกต่างและน่าสนใจ ได้แก่
- ให้เช่าพื้นที่หลังบ้านเพื่อจัดงาน: หากคุณมีพื้นที่หลังบ้านที่กว้างขวาง คุณสามารถให้เช่าสำหรับงานสังสรรค์เล็กๆ งานแต่งงาน หรือแม้กระทั่งเป็นจุดตั้งแคมป์ได้ ผ่านทางแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีบริการอยู่มากมาย เช่น Peerspace
- โฆษณาบนตัวบุคคล: บริษัทต่างๆ จะจ้างคุณให้ติดโลโก้หรือแบรนด์ของพวกเขาบนเสื้อผ้าหรือรถของคุณ เหล่าอินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก มักจะได้รับข้อเสนอในการโปรโมทแบรนด์ต่างๆ ในรูปแบบนี้ และรับรายได้เป็นครั้งๆ ไป
- นักกอดมืออาชีพ: บางคนจ่ายเงินเพื่อใช้บริการนักกอดมืออาชีพ เพื่อคลายความเครียดและความเหงา เช่น บริการของบริษัท Cuddle Comfort เชื่อมโยงนักกอดมืออาชีพกับลูกค้า โดยนักกอดมืออาชีพจะได้รับเงินค่าบริการ 85% ของราคาค่าจ้างต่อครั้ง
- ขายของสะสมเฉพาะกลุ่ม: หากคุณเชี่ยวชาญในการขายของแปลกๆ ของเก่า ของสะสมหายาก เช่น ของเล่น Happy Meal ของ McDonald's แบบวินเทจ, กล่องซีเรียลเก่า, เทป VHS หายาก ฯลฯ ซึ่งบางชิ้นขายได้ในราคาหลายร้อยดอลลาร์ สามารถขายในบนแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ต่างๆ เช่น eBay
การเริ่มต้นทำงานเสริมนั้นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก สิ่งสำคัญคือคุณต้องสามารถระบุทักษะส่วนตัว ความสนใจ และเวลาว่างที่มีอยู่ให้ได้ชัดเจน ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานเสริมใดๆ ก็ตาม เพื่อไม่ให้กระทบกับงานหลัก โดยควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้ ได้แก่
- ประเมินจุดแข็งของตนเอง: ระบุทักษะหรืองานอดิเรกที่สามารถสร้างรายได้
- วิจัยตลาด: ค้นหาความต้องการสำหรับธุรกิจที่คุณเลือกและวิเคราะห์คู่แข่ง
- กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: กำหนดภาระผูกพันทางการเงินและเวลา
- ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์: Upwork, Fiverr และ TaskRabbit เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ตลอดเวลา
- เริ่มต้นแบบเล็กๆ: ทดลองทำสัก 2-3 ครั้งก่อนที่จะเริ่มจริงจัง
- รักษาความสม่ำเสมอ: อุทิศเวลาแต่ละสัปดาห์ให้กับการขยายธุรกิจเสริมของคุณ
ทั้งนี้อนาคตของการทำงานเสริมของคุณจะไปรอดหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ความมุ่งมั่น มีวินัย และตั้งใจจริง เพราะสมัยนี้ Gig Economy (ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดแรงงานเสรี ผู้คนประกอบอาชีพอิสระที่รับจ้างทำงานจบเป็นงานๆ ไป) กำลังเติบโตก้าวหน้าอย่างมาก โดยมีแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทำให้การสร้างรายได้จากทักษะและสินทรัพย์ทำได้ง่ายขึ้น คนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีฝีมือ จะสามารถเลือกงานเสริมที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและตารางเวลาของตนเองได้ และจะได้รับประโยชน์สูงสุดในโลกการทำงานยุคใหม่
2025-02-03T13:57:36Z