ยูนิโคล่ LIFEWEAR ปฏิวัติวงการแฟชั่น สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ซ่อมเสื้อผ้า ลดขยะ

อุตสาหกรรมเสื้อผ้าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจแต่ก็ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้น้ำมากเกินไป มลพิษทางเคมี ขยะจำนวนมาก และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ยังมีปัญหามลพิษไมโครพลาสติก การทำลายป่าไม้ และการปฏิบัติต่อแรงงานที่ไม่เป็นธรรม เมื่อความต้องการเสื้อผ้ายังคงเพิ่มขึ้น การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จึงมีความสำคัญ

ยูนิโคล่ แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่น ภายใต้ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง มุ่งมั่นส่งเสริมการผลิตและการบริโภคเสื้อผ้าที่มีความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมายาวนาน ปี 2568 นี้ เดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ 'LifeWear = a New Industry' วางตัวเป็นผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ตั้งเป้าบริหารระบบซัพพลายเชนทั้งหมดได้ดีขึ้น ควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้โดยตรงตั้งแต่ คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต สิ่งแวดล้อม และสิทธิพื้นฐานของแรงงาน

โยชิทาเกะ วากาคุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยูนิโคล่มีความตั้งใจที่จะเร่งการแสวงหาโมเดลธุรกิจแบบหมุนเวียนมากขึ้น ในแง่ของการลด (reduce) การใช้ซ้ำ (resue) และการรีไซเคิลเสื้อผ้าและทรัพยากร (recycle) เพื่อยืดอายุการใช้งานของ LifeWear อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

โดยมี 2 แกนหลัก คือ ผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม และผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม

"เรามุ่งมั่นที่จะผลิตและจำหน่ายเฉพาะสินค้าที่ลูกค้าต้องการจริงๆ ในขณะเดียวกันเราก็กำลังสร้างห่วงโซ่อุปทานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน"

ผลิตเสื้อผ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม

ในปีงบประมาณ 2023 ยูนิโคล่ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของตนเองได้ 69% และลดจากห่วงโซ่อุปทานได้ 10% นอกจากนั้นมีสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลได้เพิ่มขึ้นเป็น 18.2% ในปี 2024 และเราตั้งเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งที่ร้านสาขาและสำนักงานใหญ่

"เราเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% นับตั้งแต่ปี 2564 โดยยูนิโคล่ยื่นใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% หรือที่เรียกว่า I-REC รณรงค์ลดการใช้พลังงานที่ร้านสาขาและสำนักงานใหญ่"

เงินบริจาคจากถุงกระดาษ

นอกจากนั้น ยูนิโคล่ตั้งเป้าลดขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) โดยจะลดการใช้พลาสติกในการขนส่ง โดยรวมบรรจุภัณฑ์เสื้อผ้าเข้าด้วยกันในถุงพลาสติกใบเดียวในการขนส่งจากโรงงานผลิตมายังร้านยูนิโคล่ ซึ่งประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการสำหรับสินค้าฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิในปี 2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกได้ถึง 25% ภายในปีนี้ รวมถึงสนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้าของตนเอง เพื่อลดการใช้ถุงกระดาษ

"ซึ่งหากลูกค้าท่านใดซื้อถุงกระดาษของร้านยูนิโคล่ เราจะนำเงินไปบริจาค โดยปีที่ผ่านมาได้เงินจำนวนหนึ่งล้านบาทที่ได้จากการจำหน่ายถุงกระดาษ มอบให้แก่มูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ พร้อมจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวนป่านิเวศอ่อนนุช ภายใต้โครงการ Let’s Grow Together ร่วมกับกรุงเทพมหานคร พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ในปีนี้"

บริการซ่อมเสื้อผ้าราคา 80 บ.

ยูนิโคล่ส่งเสริมให้คนไทยใช้เสื้อผ้า LifeWear อย่างยั่งยืนผ่านบริการ RE.UNIQLO Studio ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2023 ที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้เสื้อผ้าที่มีอยู่นานขึ้น โดยบริการนี้รวมถึงการสร้างสรรค์ลายปักใหม่ๆ ในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์, Pride Month และคริสต์มาส

นอกจากนี้ยังมีบริการปักลาย Sashiko ซึ่งเป็นลายปักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับเสื้อผ้า และบริการซ่อมแซมเสื้อผ้าตัวโปรดให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท

โยชิทาเกะ บอกว่า ในปี 2567 ลูกค้ากว่า 18% ซื้อเสื้อผ้ายูนิโคล่ และนำมาใช้บริการ RE.UNIQLO Studio ต่อ โดยยอดการบริการของ RE.UNIQLO Studio เพิ่มสูงขึ้นกว่า 194% เมื่อเทียบกับปี 2566

ใช้ประโยคจากเสื้อผ้าสูงสุด

ตั้งแต่ปี 2555 ยูนิโคล่ ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการส่งต่อเสื้อผ้ายูนิโคล่ที่ได้รับการบริจาคจากลูกค้า เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ที่ต้องการ โดยได้บริจาคเสื้อผ้าไปแล้วกว่า 78,000 ตัว ให้แก่ผู้คนกว่า 4,500 คน ผ่านองค์กรพันธมิตรต่างๆ เช่น มูลนิธิบ้านร่มไทร จังหวัดเชียงใหม่

"เรามีโครงการช่วยเหลือสังคมเช่น โครงการ RE.UNIQLO Warmth for All บริจาคเสื้อผ้ากันหนาวปีละ 50,000 ตัว โดยเปิดรับบริจาคที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขาทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยหนาวในภาคเหนือ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการผ่านความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ประเทศไทย

กิจกรรมเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นอย่างมากจากความร่วมมือกับลูกค้าและคู่ค้าของเรา รวมถึงการดำเนินธุรกิจในท้องถิ่นทั่วโลกผ่านผลิตภัณฑ์ ร้านค้า พนักงาน และเครือข่ายทั่วโลกเราจะเดินหน้าทำงานเพื่อสังคมที่ยั่งยืนมากขึ้น"

สนับสนุนความหลากหลาย พนักงานผู้พิการ

ในปี 2567 ยูนิโคล่ได้แสดงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความหลากหลายและการรวมเข้าด้วยกัน โดยการจ้างงานพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 28 คน การจ้างงานนี้ไม่เพียงแค่เป็นการให้โอกาสแก่ผู้พิการในการมีส่วนร่วมในที่ทำงาน แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้รับการยอมรับและเคารพในความแตกต่างของแต่ละบุคคล

"ในปี 2568 นี้ ยูนิโคล่ได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายความมุ่งมั่นนี้ต่อไปโดยการเพิ่มการจ้างงานพนักงานผู้พิการเป็น 33 คน เพื่อเสริมสร้างการทำงานที่เป็นมิตรและเป็นธรรมสำหรับทุกคน และเป็นแบบอย่างที่ดีในการส่งเสริมความยั่งยืนในองค์กร"

ยูนิโคล่ ประเทศไทย เน้นที่จะสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินงานตามแผนการต่างๆ ในปี 2568 นี้ เพื่อส่งแกร่งประเทศไทยก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม 

2025-02-04T10:58:02Z