ภาพงานแต่งงานที่หรูหราฟุ่มเฟือยเกินจินตนาการ ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายในสื่อโซเชียล โดยมีผู้นำอย่าง “อินเดีย” ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงค่านิยมทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจ ด้วยมูลค่าอุตสาหกรรมงานแต่งที่สูงถึง 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้วงการนี้ในอินเดียเป็นภาคส่วนที่ใช้จ่ายสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นรองเพียงอุตสาหกรรมอาหารและของชำ
งานแต่งงานแบบอินเดียขึ้นชื่อในเรื่องการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมทางประเพณีที่สำคัญอย่างงานเมห์นดี (Mehndi) หรือการเพนต์ Henna และงานซังกีต (Sangeet) ที่เป็นการแสดงดนตรีและเต้นรำ พิธีกรรมนี้ไม่ได้เกิดอยู่ภายในประเทศอินเดียเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปยังชุมชนชาวอินเดียในต่างประเทศ ซึ่งยังคงอนุรักษ์ประเพณีการแต่งงานตามแบบฉบับอินเดียดั้งเดิมเอาไว้
ขณะเดียวกันคู่รักสัญชาติอื่น เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา ก็ยังสนใจจัดงานแต่งแบบอินเดียเพื่อสร้างความประทับใจในวันสำคัญ ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น อีเวนต์ ชุดเจ้าสาว และการท่องเที่ยวเติบโตตามไปด้วย
ค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานมีมูลค่าสูงจนน่าตกใจ ในอินเดีย งานแต่งงานโดยเฉลี่ยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สำหรับคู่บ่าวสาวที่เลือกจัดงานในต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 200,000 ดอลลาร์
การใช้จ่ายในงานแต่งงานแบบดั้งเดิมนี้ ได้สร้างให้เกิดการจ้างงานและธุรกิจใหม่มากมาย เช่น ที่ปรึกษาด้านการแต่งกาย หรือบริการ Online Butler ที่กำลังได้รับความนิยม เพื่อตอบสนองความต้องการของคู่รักที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หรือผู้จัดงานอีเวนต์อย่าง The Wedding Collective-A Bridal Show ที่เปิดฮอลล์นำเสนอทุกกลุ่มสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งงาน ทั้งแบรนด์ชุดเจ้าสาวชื่อดัง เครื่องประดับ เชฟอาหารชั้นสูง และผู้ให้บริการของชำร่วยที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าชาวอินเดีย
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันอย่าง VivaHit ได้เข้ามาช่วยเรื่องการวางแผนงานแต่ง โดยเน้นให้บริการการจัดการแขกอย่างเป็นระบบ ผู้ใช้สามารถเพิ่มรายชื่อแขก ส่งคำเชิญ ตรวจสอบการตอบรับ และจัดส่งการแจ้งเตือน รวมถึงสร้างเช็กลิสต์และแจกจ่ายการ์ดเชิญผ่านแอป ทั้งยังเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างครอบครัวและแขก ด้วยการแชร์รูปถ่ายและกิจกรรมก่อนงานแต่งงานได้
นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องประดับก็เติบโตขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีแบรนด์ชั้นนำอย่าง Sabyasachi Mukherjee และ Tanishq ที่ขยายธุรกิจไปยังนิวยอร์กและเท็กซัส เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก
งานแต่งงานในปัจจุบันกลายเป็นอีเวนต์ที่เต็มไปด้วยการใช้สื่อมัลติมีเดียอย่างครบวงจร โดยเฉพาะอิทธิพลของ “บอลลีวูด” ยังคงมีบทบาทสำคัญในสังคมอินเดีย คู่บ่าวสาวมักนำฉากจากภาพยนตร์มาประยุกต์ใช้ในพิธี ทำให้การเฉลิมฉลองมีทั้งความบันเทิงและความหรูหรา โดยนิยมใช้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ (Wedding Films) เพื่อบันทึกเรื่องราวความรักหรือความประทับใจในงานแต่งงานอย่างเป็นเอกลักษณ์
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบริษัท The Wedding Filmer ที่นำเสนอเรื่องราวความรักในรูปแบบภาพยนตร์ ทำให้คู่บ่าวสาวรู้สึกเหมือนเป็นนักแสดงในหนังบอลลีวูด นอกจากนี้ การจัดงานในสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่างโรงแรม Marriott ซึ่งมีแพ็กเกจบริการครบวงจรตั้งแต่การจัดเลี้ยงไปจนถึงความบันเทิง หรือการจัดงานแต่งใน ดิสนีย์แลนด์ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมอินเดียกับการแสดงพาเหรดของตัวการ์ตูนดิสนีย์ ก็เป็นตัวอย่างของการผสมผสานประเพณีและความบันเทิงจากหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความเข้าใจข้ามเชื้อชาติได้อย่างลงตัว
รัฐบาลอินเดียเห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจจากการจัดงานแต่งงาน จึงได้ริเริ่มแคมเปญ “Wed in India” มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ชาวอินเดียเลือกจัดงานแต่งภายในประเทศ เพื่อลดการสูญเสียเม็ดเงินจำนวนมากออกนอกประเทศ
แนวคิดนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของแคมเปญ “Make in India” โดยเน้นการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งมีทัศนียภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะสามารถดึงเงินจำนวนมากกว่า 1 แสนล้านรูปีกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งภาคการท่องเที่ยว การบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานแต่ง ส่งเสริมให้อินเดียเป็นผู้นำในตลาดนี้ในระดับโลก
2024-10-01T01:47:08Z dg43tfdfdgfd