กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยทั่วโลกเลือกใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ชี้เป็นโอกาสทองของธุรกิจเครื่องสำอางไทย พร้อมแนะทุกภาคส่วนควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยหันมาปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยและเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สนค. เปิดเผยว่า คลีนบิวตี้ (Clean Beauty) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแนวคิดดูแลร่างกายและผิวพรรณที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว โดยต้องมีการคัดสรรวัตถุดิบและส่วนผสมของเครื่องสำอางที่มีความสะอาด ปลอดภัย ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ และไม่ทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีฉลากที่บอกข้อมูลชัดเจนครบถ้วน
ซึ่งจะมีความแตกต่างจากเครื่องสำอางประเภทอื่นที่อาจมีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายเข้ามาผสมด้วย อาทิ สารพาราเบน (สารกันเสีย) ที่อาจพบในเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้ร่างกายของผู้ใช้มีความเสี่ยงและเป็นอันตราย
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดกระแสความนิยมเครื่องสำอางคลีนบิวตี้ คือการที่ผู้บริโภคตื่นตัวหันมาใส่ใจในสุขภาพและตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น.....นายพูนพงษ์ กล่าว
ตัวอย่างเช่น ผลสำรวจของผู้บริโภคจำนวน 2,200 รายในสหรัฐอเมริกา พบว่าตามปกติผู้บริโภคใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายเฉลี่ยประมาณ 12 ชิ้นต่อวัน มีส่วนประกอบมากกว่า 112 ชนิด อาจส่งผลให้เกิดความกังวลทางตรงต่อร่างกายและทางอ้อมต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ส่วนประกอบจำนวนมาก ปัจจัยถัดมาคือการเพิ่มระดับความเข้มงวดของกฎระเบียบในบางประเทศ อาทิ พระราชบัญญัติ The Toxic-Free Cosmetics ของสหรัฐอเมริกา ที่มีวัตถุประสงค์ห้ามใช้สารเคมีที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย นอกจากนี้ในยุคปัจจุบันอิทธิพลของโซเชียลทำให้ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ทำให้มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ได้อย่างรอบคอบ รวมถึงการเติบโตของ E-Commerce ที่อำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ได้ง่ายขึ้น มีการให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางใหม่ ๆ ทำให้เครื่องสำอางคลีนบิวตี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลการเข้าชม hashtag #CleanBeauty บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในปี 2566 ที่มีมากกว่า 1.9 พันล้านครั้งบน TikTok และ 6.1 พันล้านครั้งบน Instagram
นอกจากนี้ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด MarketResearch.biz ระบุว่าในปี 2566 ตลาดเครื่องสำอางคลีนบิวตี้ของโลกมีมูลค่า 8.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 16.65 จนมีมูลค่าสูงถึง 39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2576 ซึ่งภูมิภาคที่มีการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางคลีนบิวตี้รวดเร็วที่สุดคือ ทวีปอเมริกาเหนือ โดยกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงในกลุ่มมิลเลนเนียล (กลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี 2523-2539) ที่มีกำลังทรัพย์และเต็มใจซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและสอดคล้องกับค่านิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์และชะลอวัยจากการบำรุงอย่างล้ำลึกและเป็นธรรมชาติ
จากกระแสความนิยมเครื่องสำอางคลีนบิวตี้ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก เป็นโอกาสดีหากผู้ประกอบการไทยเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบรับกระแสความต้องการที่กำลังเติบโต เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญของทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ รวมถึงเป็นผู้ส่งออกเครื่องสำอาง (HS 3303-3307, 3401) อันดับที่ 2 ของอาเซียน (รองจากสิงคโปร์) และอันดับที่ 17 ของโลก.....นายพูนพงษ์ กล่าว
ในปี 2566 ไทยส่งออกมูลค่า 2,588.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.58 จากปีที่ผ่านมา โดยส่งออกเครื่องสำอางไปยังญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลียมากที่สุดตามลำดับ ขณะเดียวกันไทยนำเข้าเครื่องสำอางมูลค่า 1,199.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.71 จากปีที่ผ่านมา โดยแหล่งนำเข้า 3 อันดับแรกคือ ฝรั่งเศส จีน และเกาหลีใต้
การขยายตัวของการส่งออกเครื่องสำอางไทยแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของความนิยมเครื่องสำอางไทยที่ได้รับการไว้วางใจจากคนทั่วโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากเครื่องสำอางไทยมีคุณภาพ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และราคาย่อมเยา
2024-09-30T03:47:10Z dg43tfdfdgfdอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยมีศักยภาพในการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ เครื่องสำอางคลีนบิวตี้นับเป็นสินค้าที่น่าจับตามอง เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของตลาดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณสมบัติลดริ้วรอยและชะลอวัย สอดรับกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของทั้งสังคมไทยและโลก และยกระดับการผลิตเครื่องสำอางไทยให้ได้รับมาตรฐาน/รางวัลทั้งในประเทศและระดับสากล.....นายพูนพงษ์ กล่าว